ข้อ 4 ความหมายของเครือข่ายการสื่อสารแบบ LAN (Local Area Network)
ระบบเครือข่าย LAN คือการนำคอมพิวเตอร์หลายๆ
เครื่องมาต่อเพื่อใช้งานร่วมกัน
ซึ่งจะทำให้สามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
และยังเป็นการแก้ปัญหาต่างๆ
ที่ผู้ใช้ประสบอยู่
การเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันเป็นระบบเครือข่ายเน็ตเวิร์ก
จึงมีการนำมาใช้กันมากขึ้น
ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 ระบบ คือ
ระบบเครือข่ายเร็ตเวิร์กระยะไกล
(Wide Area Network หรือ WAN)
ระบบเครือข่ายเน็ตเวิร์กระยะกลาง
(Metropolitan Area Network หรือ MAN)
และระบบเครือข่ายเน็ตเวิร์กระบบใกล้
(Local Area Network หรือ LAN) ซึ่งระบบ LAN จะเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย
เป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงกันในพื้นที่ใกล้เคียงกัน
เช่น ในอาคารเดียวกัน
หรือภายในบริเวณที่มีเนื้อที่ไม่กว้างขวางนัก
สามารถดูแลได้เอง
และทำให้กลุ่มของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน
ระบบ LAN สามารถติดตั้งได้ง่าย
ส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูง
มีข้อผิดพลาดน้อย
และลงทุนน้อยกว่าระบบอื่น
การเชื่อมโยงเครือข่าย LAN ที่นิยมใช้กันมี
2 รูปแบบดังนี้
-
เครือข่าย LAN แบบอีเทอร์เน็ต
มีการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็ว10-100
Mbps.
มีพื้นฐานรูปแบบการเชื่อมโยงร่วมกันแบบบัส
คือ
ทุกอุปกรณ์จะเชื่อมต่อกันบนสายสัญญาณเส้นเดียว
ดังนั้น
การรับส่งต้องมีการจัดการไม่ให้รับส่งพร้อมกันเกินกว่าหนึ่งคู่ขบวนการรับส่งข้อมูลจึงถูกกำหนดขึ้น
โดยให้อุปกรณ์ที่จะส่งข้อมูลตรวจสอบว่า
มีข้อมูลใดวิ่งอยู่บนสายหรือไม่
หากไม่มีจึงส่งได้และถ้ามีการชนกันของข้อมูลบนสายก็จะส่งใหม่
การหลีกเลี่ยงการชนกันจึงกระทำได้ในเครือข่ายระยะใกล้
-
เครือ
องค์ประกอบของLAN ในการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ร่วมกันเป็นระบบเน็ตเวิร์กจำเป็นต้องมีอุปกรณ์เพิ่มเติมจากการใช้คอมพิวเตอร์ใน ลักษณะของ Stan lone ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้จะมีทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ได้แก่
* มีแผ่นวงจรข่ายงาน (Network Interface Card) สำหรับควบคุมให้คอมพิวเตอร์ทำงาน
ประสานกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นในข่ายงานได้
* มีระบบปฏิบัติการข่ายงาน (Network Operating System) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์สำหรับควบคุมข่ายงาน
* มีการจัดเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ให้ถูกต้องตามลักษณะที่เหมาะสม ลักษณะการเชื่อมโยงนี้เรียกว่า
Topology โดยทั่วไปคือจัดให้มีคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถสูงเครื่องหนึ่งเป็นเครื่องกลางสำหรับทำ
หน้าที่ควบคุมข่ายงาน และแฟ้มข้อมูล ดังนั้นจึงอาจเรียกเป็นแม่ข่าย หรือตัวบริการแฟ้มข้อมูล (File
Server) ได้ ส่วนเครื่องอื่นๆ นอกจากนั้นให้เชื่อมโยงต่อกับสายเคเบิล (หรือเรียกว่า Bus) ที่ต่อออก
จากเครื่องกลางนี้
ประโยชน์ของระบบ LAN คือ
1. การใช้ทรัพยากรทางฮาร์ดแวร์ร่วมกัน เนื่องจากอุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์แต่ละชนิดมีราคาค่อนข้างสูง เพื่อให้ใช้ทรัพยากรเหล่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีการนำอุปกรณ์เหล่านั้นมาใช้ร่วมกันเป็นส่วนกลาง เช่น เครื่องพิมพ์ พล็อตเตอร์ ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น
2. การใช้ซอฟต์แวร์ร่วมกัน เนื่องจากซอฟต์แวร์ก็จัดเป็นทรัพยากรที่มีค่าอย่างหนึ่ง จึงน่าจะนำมาใช้ร่วมกันในระบบ ซึ่งเป็นการประหยัดเนื้อที่ในการจัดเก็บ และยังสามารถใช้ร่วมกันได้อีก นอกจากนี้ยังสามารถทำการดูแลรักษาได้ง่าย เช่น เมื่อต้องการอัปเกรดซอฟต์แวร์ใดก็จะทำการอัปเกรดทีเดียว แต่จะมีผลถึงผู้ใช้ซอฟต์แวร์นั้นๆ ทั้งระบบ หรือการดูแลรักษาอื่นๆ เช่น ใช้ในการป้องกันไวรัสจากผู้ใช้ก็สามารถทำได้โดยกำหนดสิทธิของผุ้ใช้ไม่ให้มีสิทธิในการเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือเขียนข้อมูลทับลงไปในซอฟต์แวร์ที่มีการใช้ร่วมกัน ไวรัสก็จะหมดโอกาสที่จะติดเข้าไปในซอฟต์แวร์นั้น เป็นต้น
3. การใช้ข้อมูลร่วมกัน ในแต่ละหน่วยงานจะมีข้อมูลซึ่งอาจจะต้องใช้ร่วมกัน หากต้องทำการคัดลอกไปไว้ในแต่ละเครื่องคงเป็นการยุ่งยาก และสิ้นเปลืองเนื้อที่ในการเก็บข้อมูลนั้นมาก เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว ระบบ LAN ถูกนำเข้ามาช่วยในการใช้ข้อมูลร่วมกัน นอกจากนั้นยังทำให้สะดวกเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลต่างๆ ซึ่งจะมีผลไปทั้งระบบ และยังสามารถกำหนดได้ว่าจะให้ผู้ใช้คนใดสามารถใช้ข้อมูลใดได้อีกด้วย เป็นการรักษาความปลอดภัยสำหรับข้อมูลที่เป็นความลับ ทั้งง่ายต่อการทำสำรอง (backup) ข้อมูลเหล่านั้น
4. ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (electronic mail) การติดต่อระหว่างผู้ใช้แต่ละคน บางครั้งการทำงานอาจจะต้องมีการติดต่อกันระหว่างผู้ใช้ ซึ่งหากผู้ใช้อยู่ห่างกันมากๆ การติดต่ออาจทำได้ไม่สะดวก ระบบ LAN เริ่มเข้ามามีบทบาทโดยเป็นตัวกลางในการติดต่อระหว่างผู้ใช้แต่ละคน ซึ่งอาจจะเป็นการติดต่อในลักษณะที่ผู้ใช้ที่ต้องการติดต่อด้วยไม่อยู่ก็อาจจะฝากข้อความเอาไว้ในระบบ เมื่อผู้ใช้คนนั้นเข้ามาใช้ระบบก็จะมีการแจ้งข่าวสารนั้นทันที
เครือข่าย LAN
ที่อยู่ในมาตรฐานเดียวกันสามารถเชื่อมโยงเข้าหากันแต่ทุกตัวจะมี
แอดเดรสประจำ
และแอดเดรสเหล่านี้จะซ้ำกันไม่ได้
โดยปกติผู้ผลิตอุปกรณ์เชื่อมโยงเครือข่ายได้กำหนดแอดเดรสเหล่านี้มาให้แล้ว
เพื่อจะให้เชื่อมโยงเครือข่ายต่างมาตรฐานกันได้นั้นมีวิธีการพัฒนาให้ระบบสามารถนำแพ็กเก็ตเฉพาะของเครือข่ายมาใส่ในแพ็กเก็ตกลางที่เชื่อมโยงระหว่างกันได้เช่น
TCP/IP ตัวอย่าง เช่น
ถ้าต้องการเชื่อมเครือข่าย
LAN หลาย ๆ
เครือข่ายเข้าด้วยกัน
ให้เป็นเครือข่ายเดียวกัน
เครือข่ายอีเทอร์เน็ตมีแพ็กเก็ตเฉพาะเมื่อจะส่งออกก็นำแพ็กเก็ตเฉพาะมาเปลี่ยนถ่ายลงในแพ็กเก็ต
TCP/IP แล้วส่งต่อแพ็กเก็ต TCP/IP
จึงเป็นแพ็กเก็ตกลางที่พร้อมรับแพ็กเก็ตย่อยอื่นได้
ดังนั้นการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย
เช่น อีเทอร์เน็ตในปัจจุบัน
จึงเกิดขึ้นได้
อุปกรณ์ที่ใช้ในการต่อระหว่างเครือข่ายมีมากมายหลายรูปแบบ
เพื่อทำให้ระบบเครือข่ายขยายวงกว้างออกไป
การขยายนี้ทำให้การใช้งานเป็นไปอย่างกว้างขวางอุปกรณ์ประกอบที่สำคัญประกอบด้วย
การขยายเครื่องบริการปลายทางของระบบออกไปจะเสมือนการต่อแบบ RS232 ออกมาจากแม่ข่าย (host) แต่ข้อดีคือ ใช้เครือข่ายเป็นตัวเชื่อมต่อได้ ทำให้ผู้ใช้เครื่องบริการปลายทางสามารถเลือกไปยังแม่ข่ายตัวใด ในเครือข่ายก็ได้ โครงสร้างการต่อเครื่องให้บริการปลายทางเป็นดังรูป
|
2) เครื่องบริการงานพิมพ์ เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่อทำให้การต่อเครื่องพิมพ์เข้ากับเครือข่ายได้หลายเครื่องในการใช้งาน ผู้ใช้ที่อยู่บนเครือข่ายสามารถเลือกใช้เครื่องพิมพ์เครื่องใดก็ได้ โดยการส่งแฟ้มออกมาพิมพ์เครื่องพิมพ์เครื่องบริการงานพิมพ์มีบัฟเฟอร์เพื่อจัดลำดัการพิมพ์ได้
ตัวอย่างการต่อเชื่อมเครื่องบริการงานพิมพ์ในระบบเครือข่าย
ตัวอย่างการต่อเชื่อมเครื่องบริการซีดีรอม
4)
เครื่องขยาย
หรือการเชื่อมต่อระหว่างตัวกลางเดียว
กัน ก็ได้
การ
ได้
ตัวอย่างการต่อเชื่อมเครื่องขยายสัญญาณขยายความยาว
รวบรวมจาก
หนังสือเรียนวิชาคอมพิวเตอร์
ช 0249
เทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์
สถาบันส่งเสริมารสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
หนังสือรอบรู้เรื่องแลน(เน็ตแวร์) : ชาญยศ ปลื้มปิติวิริยะเวช, เอกสิทธิ์ เทียมแก้ว และคณะ
http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet1/hardware/wan.html